ชื่อเรื่อง การให้ความเห็นทางกฎหมายกรณีการคัดค้านคำสั่งย้ายข้าราชการครูและบุคลากรสายงาน
บริหารสถานศึกษาและการขอให้ทบทวนมติ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา
ช่วงเวลาการปฏิบัติ สิงหาคม ๒๕๕๒
รายละเอียดผลงานในส่วนที่ปฏิบัติ
ผู้อำนวยการโรงเรียน ก มีหนังสือขอให้ทบทวนมติที่ประชุม อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาลำพูน เขต ๒ ในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๒ กรณีการพิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษา และขอคัดค้านสั่งย้าย คำสั่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลำพูน เขต ๒ ที่ ๒๕๙/๒๕๕๒ สั่ง ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ซึ่งสั่งตามมติดังกล่าว โดยเหตุผลที่อ้างในคำคัดค้านคือผู้อำนวยการโรงเรียน ข (ซึ่งเป็นอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาและได้ยื่นคำร้องขอย้ายด้วย แต่ได้ยื่นเรื่องขอถอนคำร้องภายหลังที่ได้มีการประชุมพิจารณากลั่นกรองการย้ายแล้ว) มิได้เจตนาให้ตนต้องผูกพันตามที่ได้แสดงเจตนา (การยื่นคำร้องขอย้าย) และเป็นการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายเพราะผู้อำนวยการโรงเรียน ข มิได้แนบแบบประเมินศักยภาพมาพร้อมกับคำร้องขอย้าย ดังนั้น การแสดงเจตนาของผู้อำนวยการโรงเรียน ข จึงเป็นการใช้สิทธิไม่สมบูรณ์และเสียเปล่า (โมฆะ) มาตั้งแต่ต้น และตนควรได้รับสิทธิในการย้ายหากคำร้องขอย้ายของผู้อำนวยการโรงเรียน ข เป็นโมฆะ ในการนี้ผู้อำนวยการโรงเรียน ข ได้มีหนังสือสนับสนุนการขอให้ทบทวนมติที่ประชุม อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาของผู้อำนวยการโรงเรียน ก ด้วย
จากการที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานและพิจารณาเหตุผลตามข้อคัดค้านแล้ว ผู้ขอรับการประเมินในฐานะนิติกรของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลำพูน เขต ๒ ได้ให้ความเห็นทางกฎหมาย ดังนี้
๑. การถอนคำร้องขอย้ายของผู้อำนวยการโรงเรียน ข เป็นการถอนภายหลังการพิจารณากลั่นกรองการย้าย ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าผู้อำนวยการโรงเรียน ข ได้ทราบผลการพิจารณาย้ายและคะแนนของผู้ยื่นคำร้องขอย้ายอย่างไม่เป็นทางการแล้วจึงได้แสดงเจตนาขอถอนคำร้องขอย้ายเพื่อให้ผู้อำนวยการโรงเรียน ก เกิดสิทธิได้รับการพิจารณาย้าย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นเท่ากับเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตกล่าวคือเป็นการให้เปรียบหรือเปิดโอกาสให้กับผู้อำนวยการโรงเรียน ก เพราะหากไม่มีเจตนาเช่นนั้นแล้ว เหตุใดจึงเพิ่งถอนคำร้องขอย้ายภายหลังการประชุมพิจารณากลั่นกรองการย้ายทั้งที่มีระยะเวลาที่สามารถถอนคำร้องขอย้ายนานถึง ๕ เดือนนับตั้งแต่ครบกำหนดยื่นคำร้องขอย้ายจนถึงก่อนการประชุมพิจารณากลั่นกรองการย้าย (กุมภาพันธ์-กรกฎาคม ๒๕๕๒)
๒. การที่ผู้อำนวยการโรงเรียน ก อ้างว่าผู้อำนวยการโรงเรียน ข มิได้เจตนาให้ตนต้องผูกพันตามที่ได้แสดงเจตนาการแสดงเจตนานั้นจึงเป็นโมฆะ เป็นการกล่าวอ้างถึงการแสดงเจตนาตามมาตรา ๑๕๔ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งเป็นหลักกฎหมายเอกชน โดยบทบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้การแสดงเจตนาที่ผู้แสดงมิได้มีเจตนาให้ตนต้องผูกพันอันจะทำให้การแสดงเจตนาเป็นโมฆะนั้น คู่กรณีอีกฝ่ายต้องรู้ถึงเจตนาอันซ่อนอยู่ในใจของผู้แสดงเจตนานั้นด้วย เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าคณะกรรมการได้ล่วงรู้ถึงเจตนาที่ไม่ต้องการย้ายของผู้อำนวยการโรงเรียน ข มาก่อน ดังนั้น การแสดงเจตนา (การยื่นคำร้องขอย้าย) ของผู้อำนวยการโรงเรียน ข จึงไม่เป็นโมฆะ
๓. การที่ผู้อำนวยการโรงเรียน ก อ้างว่าการแสดงเจตนาของผู้อำนวยการโรงเรียน ข เป็นการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหลักเกณฑ์และวิธีการย้าย เพราะไม่ได้ส่งแบบประเมินศักยภาพมาพร้อมคำร้องขอย้ายจึงเป็นการใช้สิทธิไม่สมบูรณ์และเสียเปล่า(โมฆะ) มาตั้งแต่ต้น ในการพิจารณา ต้องพิจารณาว่าแบบประเมินดังกล่าวเป็นสาระสำคัญของหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายหรือไม่ หากการไม่ส่งแบบประเมินนั้นมีผลเพียงทำให้ผู้ยื่นคำร้องขอย้ายไม่ได้คะแนนในส่วนนั้น ก็ถือว่าแบบประเมินมิใช่สาระสำคัญ แต่หากการไม่ส่งแบบประเมินมีผลถึงกับทำให้คำร้องขอย้ายนั้นไม่ได้รับการพิจารณาเลยเช่นนี้แล้วแบบประเมินก็ถือเป็นสาระสำคัญ จากข้อเท็จจริงคณะกรรมการได้มีการพิจารณาคำร้องขอย้ายของผู้อำนวยการโรงเรียน ข แสดงว่าคณะกรรมการไม่ถือเอาแบบประเมินเป็นสาระสำคัญ ดังนั้น คำร้องขอย้ายของผู้อำนวยการโรงเรียน ข จึงไม่เสียเปล่า (โมฆะ) มาตั้งแต่ต้นตามที่ผู้อำนวยการโรงเรียน ก กล่าวอ้าง อันจะทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียน ก ได้รับการพิจารณาย้ายหากคำร้องขอย้ายของผู้อำนวยการโรงเรียน ข เป็นโมฆะ
ความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่จำเป็นในงาน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การวินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐาน การปรับบทกฎหมายกับข้อเท็จจริง การให้เหตุผลทางกฎหมายและการสื่อความโดยใช้ภาษากฎหมายที่ถูกต้อง
ผลสำเร็จของงาน
ผู้บังคับบัญชาและอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาเห็นชอบให้ทำหนังสือแจ้งยืนยันมติดังกล่าวให้ผู้คัดค้านทราบ
ข้อเสนอแนวคิดการปรับปรุง/พัฒนางาน
การที่นิติกรจะสามารถให้ความเห็นทางกฎหมายได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมนั้น นิติกรต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งต้องแสวงหาข้อมูลและพยานหลักฐานที่ถูกต้อง ครบถ้วนหรือเพียงพอสำหรับประกอบการวินิจฉัยและให้ความเห็น โดยต้องพยายามศึกษาหาความรู้ทั้งทางด้านกฎหมายและศาสตร์อื่นๆอยู่เสมอ นอกจากนี้ นิติกรผู้ให้ความเห็นทางกฎหมายต้องกล้าเสนอความคิดเห็นที่ถูกต้อง ยึดหลักการและอุดมการณ์ของการเป็นนักกฎหมายที่ดี ยึดประโยชน์ของทางราชการเป็นหลัก มีความเป็นกลาง ปราศจากอคติ จึงจะทำให้การให้ความเห็นทางกฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งการที่จะทำเช่นนี้ได้นิติกรต้องหมั่นฝึกฝนและควบคุมจิตใจของตนเองให้เป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมอยู่เสมอ
นางสุภาพ กุมาพันธ์
นิติกรชำนาญการ สพป.ลำพูน เขต ๒
ผู้เขียน : supap
หน่วยงาน : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 2
พฤหัสบดี ที่ 20 เดือน มกราคม พ.ศ.2554