[x] ปิดหน้าต่างนี้
KMOBECMAXSITE 1.2.1
กลุ่มบริหารงานบุคคล
เรื่อง : การให้ความเห็นทางกฎหมายกรณีการคัดค้านคำสั่งย้ายข้าราชการครูและบุคลากรสายงาน


TOP HIT
กลุ่มบริหารงานบุคคล

- การจัดทำคำให้การแก้คำฟ้องคดีปกครอง [ 3266 ]
- การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา [ 2980 ]
- ผลงานหรือผลสำเร็จของงานด้านกฎหมาย ชื่อเรื่อง การดำเนินการทางวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รายนางสาวเมตตา ฯ [ 1377 ]
- การพัฒนาคุณภาพงานเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาแบบร้อยละ ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 2 [ 1374 ]
- การดำเนินการทางวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา [ 1237 ]

 ชื่อเรื่อง   การให้ความเห็นทางกฎหมายกรณีการคัดค้านคำสั่งย้ายข้าราชการครูและบุคลากรสายงาน

            บริหารสถานศึกษาและการขอให้ทบทวนมติ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา
 ช่วงเวลาการปฏิบัติ สิงหาคม ๒๕๕๒
รายละเอียดผลงานในส่วนที่ปฏิบัติ
          ผู้อำนวยการโรงเรียน ก มีหนังสือขอให้ทบทวนมติที่ประชุม อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาลำพูน เขต ๒ ในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๒   กรณีการพิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษา และขอคัดค้านสั่งย้าย    คำสั่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลำพูน   เขต ๒ ที่ ๒๕๙/๒๕๕๒   สั่ง ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒   ซึ่งสั่งตามมติดังกล่าว    โดยเหตุผลที่อ้างในคำคัดค้านคือผู้อำนวยการโรงเรียน ข (ซึ่งเป็นอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาและได้ยื่นคำร้องขอย้ายด้วย แต่ได้ยื่นเรื่องขอถอนคำร้องภายหลังที่ได้มีการประชุมพิจารณากลั่นกรองการย้ายแล้ว) มิได้เจตนาให้ตนต้องผูกพันตามที่ได้แสดงเจตนา (การยื่นคำร้องขอย้าย) และเป็นการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายเพราะผู้อำนวยการโรงเรียน ข มิได้แนบแบบประเมินศักยภาพมาพร้อมกับคำร้องขอย้าย   ดังนั้น   การแสดงเจตนาของผู้อำนวยการโรงเรียน ข จึงเป็นการใช้สิทธิไม่สมบูรณ์และเสียเปล่า (โมฆะ) มาตั้งแต่ต้น และตนควรได้รับสิทธิในการย้ายหากคำร้องขอย้ายของผู้อำนวยการโรงเรียน ข เป็นโมฆะ   ในการนี้ผู้อำนวยการโรงเรียน ข ได้มีหนังสือสนับสนุนการขอให้ทบทวนมติที่ประชุม อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาของผู้อำนวยการโรงเรียน ก ด้วย
          จากการที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานและพิจารณาเหตุผลตามข้อคัดค้านแล้ว ผู้ขอรับการประเมินในฐานะนิติกรของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลำพูน เขต ๒ ได้ให้ความเห็นทางกฎหมาย ดังนี้
          ๑. การถอนคำร้องขอย้ายของผู้อำนวยการโรงเรียน ข เป็นการถอนภายหลังการพิจารณากลั่นกรองการย้าย ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าผู้อำนวยการโรงเรียน ข ได้ทราบผลการพิจารณาย้ายและคะแนนของผู้ยื่นคำร้องขอย้ายอย่างไม่เป็นทางการแล้วจึงได้แสดงเจตนาขอถอนคำร้องขอย้ายเพื่อให้ผู้อำนวยการโรงเรียน ก เกิดสิทธิได้รับการพิจารณาย้าย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นเท่ากับเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตกล่าวคือเป็นการให้เปรียบหรือเปิดโอกาสให้กับผู้อำนวยการโรงเรียน ก เพราะหากไม่มีเจตนาเช่นนั้นแล้ว เหตุใดจึงเพิ่งถอนคำร้องขอย้ายภายหลังการประชุมพิจารณากลั่นกรองการย้ายทั้งที่มีระยะเวลาที่สามารถถอนคำร้องขอย้ายนานถึง ๕ เดือนนับตั้งแต่ครบกำหนดยื่นคำร้องขอย้ายจนถึงก่อนการประชุมพิจารณากลั่นกรองการย้าย (กุมภาพันธ์-กรกฎาคม ๒๕๕๒)
          ๒. การที่ผู้อำนวยการโรงเรียน ก อ้างว่าผู้อำนวยการโรงเรียน ข มิได้เจตนาให้ตนต้องผูกพันตามที่ได้แสดงเจตนาการแสดงเจตนานั้นจึงเป็นโมฆะ เป็นการกล่าวอ้างถึงการแสดงเจตนาตามมาตรา ๑๕๔ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งเป็นหลักกฎหมายเอกชน    โดยบทบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้การแสดงเจตนาที่ผู้แสดงมิได้มีเจตนาให้ตนต้องผูกพันอันจะทำให้การแสดงเจตนาเป็นโมฆะนั้น คู่กรณีอีกฝ่ายต้องรู้ถึงเจตนาอันซ่อนอยู่ในใจของผู้แสดงเจตนานั้นด้วย  เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าคณะกรรมการได้ล่วงรู้ถึงเจตนาที่ไม่ต้องการย้ายของผู้อำนวยการโรงเรียน ข มาก่อน    ดังนั้น การแสดงเจตนา (การยื่นคำร้องขอย้าย) ของผู้อำนวยการโรงเรียน ข จึงไม่เป็นโมฆะ
          ๓. การที่ผู้อำนวยการโรงเรียน ก อ้างว่าการแสดงเจตนาของผู้อำนวยการโรงเรียน ข เป็นการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหลักเกณฑ์และวิธีการย้าย เพราะไม่ได้ส่งแบบประเมินศักยภาพมาพร้อมคำร้องขอย้ายจึงเป็นการใช้สิทธิไม่สมบูรณ์และเสียเปล่า(โมฆะ) มาตั้งแต่ต้น ในการพิจารณา ต้องพิจารณาว่าแบบประเมินดังกล่าวเป็นสาระสำคัญของหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายหรือไม่   หากการไม่ส่งแบบประเมินนั้นมีผลเพียงทำให้ผู้ยื่นคำร้องขอย้ายไม่ได้คะแนนในส่วนนั้น     ก็ถือว่าแบบประเมินมิใช่สาระสำคัญ แต่หากการไม่ส่งแบบประเมินมีผลถึงกับทำให้คำร้องขอย้ายนั้นไม่ได้รับการพิจารณาเลยเช่นนี้แล้วแบบประเมินก็ถือเป็นสาระสำคัญ จากข้อเท็จจริงคณะกรรมการได้มีการพิจารณาคำร้องขอย้ายของผู้อำนวยการโรงเรียน ข แสดงว่าคณะกรรมการไม่ถือเอาแบบประเมินเป็นสาระสำคัญ   ดังนั้น คำร้องขอย้ายของผู้อำนวยการโรงเรียน ข จึงไม่เสียเปล่า (โมฆะ) มาตั้งแต่ต้นตามที่ผู้อำนวยการโรงเรียน ก กล่าวอ้าง อันจะทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียน ก ได้รับการพิจารณาย้ายหากคำร้องขอย้ายของผู้อำนวยการโรงเรียน ข เป็นโมฆะ
ความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่จำเป็นในงาน
          ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การวินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐาน การปรับบทกฎหมายกับข้อเท็จจริง การให้เหตุผลทางกฎหมายและการสื่อความโดยใช้ภาษากฎหมายที่ถูกต้อง
ผลสำเร็จของงาน
        ผู้บังคับบัญชาและอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาเห็นชอบให้ทำหนังสือแจ้งยืนยันมติดังกล่าวให้ผู้คัดค้านทราบ
ข้อเสนอแนวคิดการปรับปรุง/พัฒนางาน
          การที่นิติกรจะสามารถให้ความเห็นทางกฎหมายได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมนั้น นิติกรต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งต้องแสวงหาข้อมูลและพยานหลักฐานที่ถูกต้อง ครบถ้วนหรือเพียงพอสำหรับประกอบการวินิจฉัยและให้ความเห็น โดยต้องพยายามศึกษาหาความรู้ทั้งทางด้านกฎหมายและศาสตร์อื่นๆอยู่เสมอ   นอกจากนี้ นิติกรผู้ให้ความเห็นทางกฎหมายต้องกล้าเสนอความคิดเห็นที่ถูกต้อง ยึดหลักการและอุดมการณ์ของการเป็นนักกฎหมายที่ดี ยึดประโยชน์ของทางราชการเป็นหลัก มีความเป็นกลาง ปราศจากอคติ  จึงจะทำให้การให้ความเห็นทางกฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งการที่จะทำเช่นนี้ได้นิติกรต้องหมั่นฝึกฝนและควบคุมจิตใจของตนเองให้เป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมอยู่เสมอ
 
                                                                        นางสุภาพ กุมาพันธ์
                                                             นิติกรชำนาญการ สพป.ลำพูน เขต ๒
ผู้เขียน : supap
หน่วยงาน : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 2
พฤหัสบดี ที่ 20 เดือน มกราคม พ.ศ.2554
| ดาวน์โหลดเอกสาร | เข้าชม : 723 |
ผู้เขียน : พงศ์พล ห่อตระกูล
หน่วยงาน : -
อังคาร ที่ 17 เดือน มีนาคม พ.ศ.2558
Not Rated stars เฉลี่ย : Not Rated จาก 0 ครั้ง.


เชิญร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยสมัครเป็นสมาชิกของศูนย์จัดการความรู้
สิทธิของสมาชิก สามารถบันทึกขุมความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และดาวน์โหลดได้